คืนฟอร์มได้ถูกเวลาจริงๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลังพวกเขาบุกยิง เรนเจอร์ส ไส้แตก ด้วยสกอร์ 7-1 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก สรุปผล บอลยุโรป
ลิเวอร์พูล ได้ 7 ประตู จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 3 ประตู , โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ 2 ประตู , ดาร์วิน นูเญซ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ คนละ 1 ประตู ส่วน เรนเจอร์ส ได้ 1 ประตู จาก สก็อตต์ อาร์ฟิลด์
การเอาชนะ เรนเจอร์ส ด้วยสกอร์ 7-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ มีเพิ่มเป็น 9 แต้ม จาก 4 เกม ยังรั้งรองจ่าฝูงของกลุ่มเอ ตามหลัง นาโปลี ที่นำเป็นจ่าฝูง อยู่ 3 แต้ม
ขณะที่ บรรดายักษ์ใหญ่พร้อมใจกันสะดุด ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , เรอัล มาดริด ที่เก็บได้เพียงแค่ผลเสมอ ส่วน ยูเวนตุส อาการหนัก เพราะพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ มัคคาบี้ ไฮฟา แบบสุดช็อก
ลิเวอร์พูล คืนฟอร์มโหด บุกยิง เรนเจอร์ส ไส้แตก 7-1 สรุปผล บอลยุโรป
ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คืนฟอร์มโหดที่ถูกเวลาเป็นอย่างมาก หลังบุกยิง เรนเจอร์ส ไส้แตก ด้วยสกอร์ 7-1 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่ 4
เริ่มเกมได้ไม่ทันไร แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮทันที หลัง สก็อตต์ อาร์ฟิลด์ ยิงให้ เรนเจอร์ส ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 18 แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้หวั่นไหว ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากลูกโขกของ โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ ในอีก 6 นาทีต่อมา
ลิเวอร์พูล แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละทีมในช่วงครึ่งหลัง หลังโหมบุกหนัก ก่อนจะรัว 2 ประตู พลิกสถานการณ์จากการตามหลัง ขึ้นมาแซงนำ 3-1 จาก โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ และ ดาร์วิน นูเญซ ที่ช่วยกันซัดคนละตุง ในนาทีที่ 54 และ นาทีที่ 66
บรรดาแฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกริบทั้งสนาม หลัง ลิเวอร์พูล เปลี่ยน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมา ก่อนที่เขาจะใช้เวลาเพียง 6 นาที ซัดแฮทริคใส่ เรนเจอร์ส ในนาทีที่ 75 , นาทีที่ 80 และ นาทีที่ 81 พร้อมพา ลิเวอร์พูล นำห่าง 6-1
ลิเวอร์พูล ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ พยายามจะเอาลูกที่ 7 และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ อัลลัน แม็คเกรเกอร์ รับบอลพลาด หลุดออกจากมือ เปิดช่องให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ซัดเข้าไปแบบง่ายๆ ในนาทีที่ 87
ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เอาชนะ เรนเจอร์ส ไปด้วยสกอร์ 7-1 เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ มีเพิ่มเป็น 9 แต้ม จาก 4 เกม ยังรั้งรองจ่าฝูงของกลุ่มเอ ตามหลัง นาโปลี ที่นำเป็นจ่าฝูง อยู่ 3 แต้ม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กอดคอ เรอัล มาดริด สะดุดเสมอ , ยูเวนตุส พ่ายช็อก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การกุมบังเหียนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา สะดุดเล็กน้อย หลังบุกไปเสมอกับ เอฟซี โคเปเฮเก้น ด้วยสกอร์ 0-0 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่ 4
แม้จะเก็บได้เพียงแค่ผลเสมอ แต่ก็เพียงพอให้พวกเขาการันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ หลังมีเพิ่มเป็น 10 แต้ม จาก 4 เกม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มจี ด้วยการนำหน้า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รองจ่าฝูง อยู่ 3 แต้ม
เช่นเดียวกับ เรอัล มาดริด ภายใต้การกุมบังเหียนของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ทำได้แค่บุกไปเสมอกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก ด้วยสกอร์ 1-1 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่ 4
การเสมอกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก ทำให้ เรอัล มาดริด ยังไม่การันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ หลังมีเพิ่มเป็น 10 แต้ม จาก 4 เกม แต่ยังคงนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอฟ ด้วยการนำหน้า แอร์เบ ไลป์ซิก รองจ่าฝูง อยู่ 4 แต้ม
ปิดท้ายด้วย ยูเวนตุส ภายใต้การกุมบังเหียนของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ที่บุกไปพ่ายแพ้ให้กับ มัคคาบี้ ไฮฟา แบบสุดช็อก ด้วยสกอร์ 1-2 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่ 4
การพ่ายแพ้ให้กับ มัคคาบี้ ไฮฟา ทำให้ ยูเวนตุส สุ่มเสี่ยงต่อการตกรอบแบ่งกลุ่ม เป็นอย่างมาก หลังเพิ่งจะมีเพียงแค่ 3 แต้ม จาก 4 เกม รั้งอันดับ 3 ของกลุ่มเอช ตามหลัง เบนฟิก้า และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รองจ่าฝูง และ จ่าฝูง อยู่ 5 แต้ม
