คงไม่มีใครมีความสุขเท่ากับแฟนบอลของทัพหงส์แดง อีกแล้ว เมื่อทีมรัก อย่าง ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเปิดแอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-0 ผลฟุตบอล ล่าสุด
ทั้งสองทีมสามารถต่อสู้กันได้อย่างสูสี แต่ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในนาทีที่ 76 ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเก็บชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ
การเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม จาก 9 เกม ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง ตามหลัง เชลซี ที่รั้งอันดับ 4 ของตาราง อยู่ 6 แต้ม
ขณะที่ เรอัล มาดริด กลายเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะในศึกเอล กลาซิโก้ หลังเปิดบ้านไล่ขย่ม บาร์เซโลนา ไปด้วยสกอร์ 3-1 ผงาดขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงของตาราง ได้สำเร็จ
ลิเวอร์พูล ทำได้ เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ผลฟุตบอล ล่าสุด
ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลังเปิดแอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 1-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก
เปิดฉากขึ้นมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เปิดเกมรุกเข้าใส่ แบบไม่ให้ ลิเวอร์พูล ได้ตั้งตัว ซึ่งพวกเขาได้ลุ้นจากจังหวะที่ อิลคาย กุนโดกัน ได้ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ยังไม่ผ่านมือของ อลิสซอน เบคเกอร์
แม้จะถูกบุกกดดันอย่างหนัก แต่ ลิเวอร์พูล ก็ต่อสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง ก่อนจะได้ตอบโต้คืนบ้าง จากจังหวะที่ ดิโอโก้ โชต้า ขึ้นโขกลูกเปิดของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ แต่ก็ถูก เอแดร์ซอน รับไว้ได้ไม่มีปัญหา
เกมในครึ่งหลังเป็นไปอย่างดุเดือด ลิเวอร์พูล เกือบเฮก่อน จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ลูกยิงของเขาถูก เอแดร์ซอน ปัดปลายมือ ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบออกนำเช่นกัน หลัง ฟิล โฟเด้น ยิงเข้า แต่ถูกริบคืน เพราะมีการฟาวล์ก่อน
กลับกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ อลิสซอน เบคเกอร์ เปิดบอลขึ้นหน้าให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เบียดชนะ เจา คันเซโล่ จนล้มลง ก่อนจะลากเข้าไปยิงผ่านมือ เอแดร์ซอน ในนาทีที่ 76 ทำเอาเสียงเฮในถิ่นแอนฟิลด์ ดังสนั่น
ครบ 90 นาที เป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม จาก 9 เกม ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง ตามหลัง เชลซี ที่รั้งอันดับ 4 ของตาราง อยู่ 6 แต้ม
เรอัล มาดริด ผงาดนำจ่าฝูง หลังไล่ขย่ม บาร์เซโลนา 3-1
เรอัล มาดริด ภายใต้การกุมบังเหียนของ คาร์โล อันเชล็อตติ กลายเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะในศึกเอล กลาซิโก้ หลังเปิดบ้านไล่ขย่ม บาร์เซโลนา ไปด้วยสกอร์ 3-1
เปิดฉากขึ้นมาได้เพียงแค่ 12 นาที เรอัล มาดริด ก็ได้ประตูออกนำ 1-0 ทันที จากจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ จิ้มบอลไปติดเซฟของ มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ก่อนเด้งไปเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ได้แปแฉลบ เซร์จี้ โรแบร์โต้ ตุงตาข่าย
เรอัล มาดริด ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ก่อนจะขยับหนีไปเป็น 2-0 ในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ ออเรลิยอง ชูอาเมนี่ ป้ายออกซ้ายให้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ หักกลับเข้ามาตรงกลางให้ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ แปด้วยขวาเน้นๆ เสียบเสาอย่างเด็ดขาด
ครึ่งหลังเปิดฉากมาไม่ทันไร เรอัล มาดริด ก็เกือบจะหนีห่างออกไปอีก หลัง คาริม เบนเซม่า ยิงบอลผ่านมือ มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ตุงตาข่าย แต่กลับกลายเป็นเฮเก้อ เพราะถูก VAR ริบคืน หลังพบว่าเขาอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
เกมกลับมาเข้มข้นอีกครั้งในช่วงท้าย หลัง บาร์เซโลนา ตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-1 จาก เฟร์ราน ตอร์เรส ในนาทีที่ 83 แต่ เรอัล มาดริด ก็ดับความหวังในการตามตีเสมอ ด้วยการหนีห่างไปเป็น 3-1 จากจุดโทษของ โรดรีโก้ ในนาทีที่ 90+1
ครบ 90 นาที เป็นทาง เรอัล มาดริด ที่เอาชนะ บาร์เซโลนา ด้วยสกอร์ 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 25 แต้ม จาก 9 เกม ขยับขึ้นมารั้งจ่าฝูงของตาราง นำหน้า บาร์เซโลนา ที่รั้งรองจ่าฝูงของตาราง อยู่ 3 แต้ม